ร้านขายผ้าทำม่านและมีบริการตัดเย็บผ้าม่าน เอทีเอ็ม เดคอร์

การเพิ่มมิติของหน้าต่างด้วยผ้าม่านทำอย่างไร

การเพิ่มมิติของหน้าต่างให้ดูสวยงามยิ่งขึ้นด้วยการใช้ผ้าม่านต้องทำอย่างไร?
การเพิ่มมิติด้วยผ้าม่าน Dimensional Design: การออกแบบและตกแต่งหน้าต่างด้วยผ้าม่าน (Window Dressing) เป็นศิลปะชนิดหนึ่ง และศิลปะที่ดีควรจะเป็นเอกลักษ์และมีหลายมิติ ดังนั้นการเพิ่มมิติให้กับหน้าต่างบ้านนั้นเป็นการที่ทำให้บ้านดูเรียบหรูยิ่งขึ้น ดีไซน์ที่เพิ่มมิติ (Dimensional Design) ที่ดีควรคำนึงถึงจุดประสงค์และความสวยงามของมิตินั้น อย่างเช่นการเลือกใช้ผ้าม่านโปร่งเสริมข้างหลังผ้าม่านในห้องนอนเป็นการเพิ่มมิติความลึก (Depth) และเป็นการเพิ่มจำนวนชั้น (Layering) ผ้าม่าน การแต่ง Window Dressing ด้วยผ้าม่านโปร่งจะมอบความละเอียดอ่อน ความนุ่มนวล (Soft Touch) ให้กับบรรยากาศห้อง ถ้าเราเน้นให้ผ้าม่านดูสวยหรู เราอาจเลือกเพิ่มมิติผ้าม่านด้วยการตัดเย็บผ้าม่านหลุยส์ ซึ่งเป็นแบบผ้าม่านที่มีสองชั้นเหมือนผ้าม่านโปร่งแต่เน้นความหรูหรามากกว่าความนุ่มนวล ยิ่งถ้าทำผ้าม่านโปร่งเสริมผ้าม่านหลุยส์และทำเป็นผ้าม่านสามชั้น เราก็จะได้ความหรูหราและความนุ่มนวลพร้อมกัน และทำให้รูปห้องดูสวยหรูอลังการอย่างยิ่ง

เพิ่มจำนวนชั้นผ้าม่าน: เหมือนกับการเพิ่มมิติของผ้าม่านด้วยการเสริมผ้าม่านโปร่งและผ้าม่านหลุยส์ การเพิ่มมิติในห้องนอนสามารถทำได้ด้วยการเพิ่มจำนวนชั้นในการตกแต่งเตียง (Bed Dressing) ซึ่งก็คือการซื้อผ้าคลุมเตียงสวยๆ มาคลุมผ้าปูที่นอนอีกชั้นนั่นเอง การซื้อผ้าคลุมเตียงเป็นการเสริมชั้นตกแต่ง “Dimension” ให้กับเตียง เป็นต้น การเพิ่มมิติและ “ชั้น” ในศิลปะมีมากกว่าแค่การตกแต่งบ้าน การเสริมมิติจะทำให้ผลงานศิลปะชิ้นนั้นดูดีและมีสีสรรค์มากขึ้น อย่างเช่นการแต่งเรื่องเล่าดีๆควรที่จะมีความซับซ้อนเสริมเข้ามาอีกชั้นเพื่อให้เนื้อเรื่องสนุกและน่าติดตาม การแต่งเพลงที่ดีก็ควรที่จะมีทำนองเพลงมากกว่าแค่ทำนองเดียวเพื่อให้เสียงเพลงเพราะและน่าฟัง เป็นต้น

เพิ่มมิติในการตกแต่งตรงกันข้ามกับสไตล์ Minimalist: สไตล์การออกแบบงานศิลปะที่เพิ่มมิตินั้นจะตรงกันข้ามกับสไตล์ Minimalist (แบบเรียบง่าย และใช้สิ่งของแสดงงานน้อยชิ้น) เพราะการตกแต่งแบบเพิ่มมิติจะเน้นความเลิศหรูมากกว่าความเรียบง่าย เน้นสร้างสรรค์ในการออกแต่งห้อง แต่ถ้าเราอยากได้สไตล์ Minimalist คือการตกแต่งบ้านด้วยผ้าม่านที่ใช้ผ้าจำนวนน้อยอย่างเช่นม่านพับหรือการใช้ผ้าม่านแค่ชั้นเดียว ไม่เสริมม่านโปร่งหรือม่านหลุยส์ 

สไตล์ Minimalist คืออะไร?: สไตล์ Minimalist จะเน้นการตกแต่งด้วยจำนวนเฟอร์นิเจอร์ที่น้อยที่สุด การตกแต่งในสไตล์ Minimalist จะใช้จำนวนเฟอร์นิเจอร์ในห้องน้อยและเน้นความปลอดโปร่งและให้มีพื้นที่ทางเดินในบ้านกว้างๆ เป็นสไตล์ที่เน้นการใช้งานของเฟอ์นิเจอร์มากกว่าความสวยงาม ถ้าเราไม่ได้สนใจว่าต้องให้ห้องดูหวานอ่อนโยนหรือสวยหรู แต่ต้องการความเรียบง่ายแทน การเลือกตกแต่งบ้านด้วยสไตล์ Minimalist จะเหมาะกับคอนเซ็ปต์นี้ ถ้าปกติเราไม่ใช้ผ้าม่านโปร่ง ก็ไม่ต้องซื้อผ้าม่านโปร่ง ถ้าเราไม่ค่อยใช้โต๊ะดืมกาแฟ ก็ไม่ต้องซื้อโต๊ะกาแฟ ถ้าปกติไม่ใช้ผ้าคลุมเตียง ก็ไม่ต้องซื้อผ้ามาคลุมเตียง เป็นต้น สไตล์ดีไซน์แบบ Minimalist จะเน้นที่ฟังก์ชั่นอย่างเดียว ไม่เน้นความหรูหราและผู้ที่ชอบสไตล์นี้มักจะคิดว่าสิ่งที่ไม่ได้ใช้ในชิวิตประจำวันคือสิ่งของฟุ่มเฟือย

สไตล์การออกแบบที่ Unique ไม่เหมือนใคร: ถ้าอยากนำสไตล์ศิลปะที่มีความงดงามและเป็นเอกลักษ์ของตัวเองมาตกแต่งบ้าน เราต้องมีความสร้างสรรค์และความมั่นใจใน Artistic Sense ของตัวเอง การออกแบบที่ทำให้ผู้อื่นที่แวะมาบ้านต้องชื่นชมและทึ่งไปกับสไตล์การตกแต่งที่สวยพิเศษ เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ มนุษย์มีความคิดสร้างสรรค์และไหวพริบศิลปะของตนเองทุกคน แต่อยู่ที่ว่าเราได้ฝึกฝนใช้มันมากน้อยแค่ไหน ถ้าเราไม่ค่อยได้ฝึกเลยก็จะทำให้เราขาดความมั่นใจและไม่กล้าตัดสินใจเองว่าจะออกแบบห้องและบ้านของเราอย่างไร แต่ถ้าทำได้สำเร็จ ก็จะทำให้เรารู้สึกความภาคภูมิใจในตัวเองเพราะเราไม่ได้ลอกเลียนแบบผู้อื่น ในโลกของ Idealism เราควรที่จะตกแต่งบ้านในลักษณะและสไตล์ที่สะท้อนถึงความเป็นตัวเรา

ไม่ยึดติดกับสไตล์การตกแต่งใด: อย่างหนึ่งที่ต้องระมัดระวังคือการยึดติดก้บสไตล์แบบใดแบบหนึ่งมากเกินไป เพราะบางสไตล์อาจทำให้เราต้องใช้งบประมาณมากกว่าที่เรากำหนดไว้ และทำให้ตกแต่งบ้านตามสไตล์นั้นไม่ไหว เราไม่ควรถูกสไตล์ใดมาบังคับให้ต้องใช้สิ่งที่ไม่ทำให้เราสบายใจ อย่างเช่นถ้าเราเลือกสไตล์การตกแต่งแบบ 1950 Mid-century ซึ่งจะเน้นออกแบบด้วยสิ่งของประดิษฐ์จากนักออกแบบชื่อดัง บางทีสิ่งที่สร้างโดยดีไซเนอร์ชื่อดังอาจจะแพงกว่างบที่ตั้งไว้ แต่แล้วเราบังคับตัวเองให้ซื้อมันเพื่อยึดติดกับสไตล์ Mid-century ที่เราได้เลือกไว้ ถ้าเราอยากได้เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นจากดีไซน์เนอร์ผู้นั้นก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเราไม่ได้ชอบบางสิ่งที่เขาออกแบบมา เราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อสิ่งนั้นก็ได้ เรามีสิทธิเลือกสิ่งอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในสไตล์การตกแต่งบ้านที่เราเลือก สมมุติว่าเราได้ตัดสินใจแล้วว่าอยากออกแบบบ้านด้วยสไตล์ Minimalist แต่เราอยากใช้ผ้าม่านโปร่งมาเสริมความนุ่มนวลให้รูปหน้าต่างห้อง เราก็สามารถเลือกใช้ผ้าม่านโปร่งมาเสริมอีกชั้นของผ้าม่านได้ ซึ่งอาจไม่ทำตาม Minimalist แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะความสุขเราต้องมาเหนือสไตล์

การยึดติดกับสไตล์ใดสไตล์หนึ่งไม่ใช้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การตกแต่งบ้านที่ดูสบายตาและน่าอยู่สำหรับเราจะต้องสำคัญกว่า เราควรที่จะเลือกตกแต่งบ้านที่มอบความสุขให้กับตัวเรามากที่สุด

Read More »
ร้านขายผ้าทำม่านและมีบริการตัดเย็บผ้าม่าน เอทีเอ็ม เดคอร์

ผ้าม่านที่ดีช่วยทำให้เราได้มีความสุขมากยิ่งขึ้นเวลาอยู่บ้าน

บางทีเราอาจมองข้ามอิทธิพลที่ผ้าม่านมีต่อชีวิตประจำวันของเราก็ได้ ความจริงผ้าม่านสามารถสร้างผลประเยชน์ต่างๆ ให้กับเราได้นอกเหนือจากการช่วยป้องกันแสงแดดอาทิตย์

ประการแรก

ป้องกันทั้งแสงและรังสีพระอาทิตย์: นอกเหนือจากมีหน้าที่ในการกันแสงแดดแล้ว ผ้าม่านก็สามารถกันรังสี (Ultraviolet)จากแสงพระอาทิตย์ได้เช่นกัน ในการที่จะได้ผลประโยชน์ของการกันรังสี Ultraviolet (UV) นี้ เราต้องเลือกใช้ผ้าม่านแบบกัน UV ในตัว (เป็นชนิดผ้าม่านที่มีซับในกันรังสีอยู่ในเนื้อผ้า) ผ้าม่านที่มีคุณสมบัติในการกันรังสีจะมีเนื้อแน่นมากกว่าผ้าม่านอื่นๆทั่วไป มีน้ำหนักที่หนักกว่า และมีประสิทธิภาพในการป้องกันแสงดีกว่าผ้าม่านปกติ นอกจากจะกันรังสีแล้ว ผ้าม่านชนิดแบบป้องกันรังสี UV ยังป้องกันความร้อนของแสงแดดได้ดีกว่าผ้าม่านทั่วไป ประเทศบ้านเรามีอากาศร้อน แสงแดดแรง อากาศบ้านเราร้อนแทบทั้งปีทำให้คนต่างชาติล้อกันว่าเป็นประเทศที่มีฤดูร้อนฤดูเดียวทั้งปี ดังนั้นผ้าม่านเป็นสิ่งที่เราใช้ได้ตลอดปี

ประการที่สอง

ลดเสียงดังจากสิ่งแวดล้อมภายนอก: นอกเหนือจากผลประโยชน์ของการปกป้องจากรังสีและแสงแดดแล้ว ผ้าม่านก็ยังสามารถช่วยลดเสียงดังๆ จากนอกบ้านไม่ให้มารบกวนเราได้อีก โดยเฉพาะผ้าม่านที่มีความหนาพิเศษ เวลาเราต้องการความเงียบสงบและไม่ต้องการเสียงรบกวนจากข้างนอกบ้าน การใช้ผ้าม่านจะช่วยลดเสียงรบกวนภาพนอกได้และช่วยให้เราได้ผ่อนคลายเวลาอยู่บ้าน

เก็บรักษาอุณภูมิในบ้าน: ผ้าม่านสามารถช่วยในการรักษาอุณภูมิในบ้านด้วยการเป็น Insulator ป้องกันไม่ให้อากาศภายนอกเข้ามาในบ้านและไม่ให้อากาศข้างในออกไปนอกบ้าน คนไทยชอบใช้ผ้าม่านเพื่อกันแสงแดดและความร้อนจากแสงอาทิตย์ แต่คนที่อยู่ในประเทศหนาวๆ ก็ซื้อผ้าม่านเช่นกัน เพราะต้องการกั้นไม่ให้อากาศเย็นๆ เข้ามาในบ้าน รักษาอุณิภูมิอุ่นๆ ไว้ในบ้าน คนอยู่ในประเทศหนาวมักจะเปิดเครื่องทำอากาศร้อนในบ้านเพื่อให้บ้านมีความอบอุ่น ผ้าม่านจะช่วยกั้นอากาศอบอุ่นในบ้านไม่ให้หนีออกไปนอกบ้าน ส่วนคนไทยเราเปิดแอร์ไว้ในบ้านก็ไม่อยากให้อากาศเย็นๆ จากในบ้านต้องกระจายออกนอกบ้าน การมีผ้าม่าน โดยเฉพาะผ้าม่านที่มีเนื้อหนาแน่น จะช่วยเก็บอากาศเย็นๆ ไว้ในบ้านในระยะเวลานานมากขึ้น
ผ้าม่านสั่งตัดจะช่วยรักษาอุณภูมิในบ้านง่าย: ขึ้นการใช้ผ้าม่านแบบตัดเย็บตามขนาดของหน้าต่าง (Made-to-Measure Curtains) จะช่วยยิ่งขึ้นในการรักษาอุณภูมิภายในบ้าน เพราะถ้ามีช่องว่างระหว่างผ้าม่านก้บหน้าต่างก็จะทำให้ลดประสิทธิภาพของม่านในการป้องกันไม่ให้ความเย็นหนีออก เวลาตัดเย็บผ้าม่านเราจะต้องเผื่อความกว้างและความสูงให้พอประมาณ โดยมาตรฐานแล้วผ้าม่านควรที่จะมีความกว้างอย่างน้อย 10 ซม. ซ้ายและขวาวงกบหน้าต่างและควรมีความสูงอย่างน้อย 40-50ซม. มากกว่าความสูงหน้าต่าง (เผื่อ 10 ซม. ไว้เหนือหน้าต่าง และเผื่อ 30-40 ซม ไว้ใต้หน้าต่าง) การเผื่อขนาดความสูงและความกว้างผ้าม่านจะช่วยให้ผ้าม่านกันแอร์เย็นได้นาน บ้านหลายหลังมักจะใช้ผ้าม่านที่มีความสูงเกือบถึงพื้น โดยตัดเย็บผ้าม่านแบบนี้ก็จะทำให้ผ้าม่านในบ้านดูสวยหรูมากยิ่งขึ้น และยังทำให้ห้องในบ้านดูสูงขึ้นอีกด้วย

ประการที่สาม

ช่วยรักษาความส่วนตัวและช่วยประหยัดไฟ: คนเราส่วนใหญ่ก็ต้องการ Privacy หรือความส่วนตัว การมีผ้าม่านใช้จะทำให้เราได้อยู่ในบ้านโดยที่ไม่มีใครจากข้างนอกสามารถมองเห็นเข้ามาได้ เวลาต้องการมองออกหน้าต่าง เราก็เพียงแค่เปิดผ้าม่าน แต่เวลาต้องการดู TV  อ่านหนังสือ หรือพักผ่อน เราก็สามารถปิดผ้าม่านได้โดยที่ไม่ต้องกังวลถึงโลกภายนอก ถ้ามีผ้าม่านโปร่งอีกชั้นหนึ่งก็จะยิ่งทำให้เราไม่จำเป็นต้องเปิดผ้าม่านหมดด้วย เพราะเราสามารถมองทลุผ้าโปร่งออกไปนอกหน้าต่างได้ง่ายกว่าที่คนภายนอกจะสามารถมองทลุเข้ามา ผ้าม่านโปร่งจะช่วยให้เราสามารถดูโลกภายนอกได้อย่างสบายใจ และยังช่วยในการปรับแสงอาทิตย์ที่เข้ามาในบ้านได้อีก เพื่อเป็นการประหยัดไฟตอนกลางวัน ถ้าเราไม่อยากให้ห้องในบ้านดูมืดเกินไป เราก็สามารถเปิดผ้าม่านและใช้ผ้าม่านโปร่งลดแสงแดดในห้อง ในการใช้ผ้าม่านโปร่ง ห้องจะดูมีความสะหว่างอ่อนโยนยิ่งขึ้นและในขณะเดียวกันเราก็จะได้ความส่วนตัวด้วยเช่นกัน

ประการที่สี่

สีสันผ้าม่านมีอิทธิพลต่อความรู้สึกเราเป็นอย่างมาก: ผลงานการวิจัยจิตวิทยาให้เราได้เห็นกันแล้วว่าสีสันผ้าม่านมีอิทธิพลต่ออารมณ์และสภาพจิดใจของผู้อยู่อาศัยในบ้านเป็นอย่างมาก นอกจากดีไซน์และขนาดของผ้าม่านแล้ว สีโทนของผ้าที่ใช้ในการทำม่านก็มีความสำคัญอย่างมาก การวิจัยได้แสดงให้เราได้เห็นว่าสีสันมีความสำคัญต่อบุคลิกภาพและความคิดของเรา ดังนั้นการเลือกสีของผ้าม่านในการตกแต่งบ้านจึงเป็นสิ่งที่สำคัญและนอกจากควรเลือกในสีที่เข้ากับบ้านของเราแล้ว ยังควรเลือกสีผ้าม่านที่ช่วยให้เรามีความสุข ไม่ว่าจะเป็นเวลาเราการต้องการผ่อนคลายหรือต้องการความสนุกสนานเปร่าร่าเริง ผู้อยู่อาศัยในบ้านจะได้รับผลประโยชน์จากสีของผ้าม่านที่เราเลือกอย่างเต็มที่

Read More »
ร้านขายผ้าทำม่านและมีบริการตัดเย็บผ้าม่าน เอทีเอ็ม เดคอร์

สีสันผ้าม่าน มีอิทธิพลต่อสภาพจิตใจและความรู้สึกของผู้อยู่อาศัย

สีผ้าม่านมีอิทธิพลต่ออารมณ์และความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยในบ้าน
ผลงานการวิจัยทางจิตวิทยาต่างๆ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าสีสันต่างๆ มีความสำคัญต่อความรู้สึกและความคิดของเรา ดังนั้นเราควรเลือกสีโทนผ้าม่านที่เข้ากับบ้านของเราและที่สามารถช่วยยกระดับจิตใจของเราได้ด้วย

ในการเลือกผ้าม่านตกแต่งบ้าน เราสามารถเลือกสีของผ้าม่านที่ช่วยให้เราได้ผ่อนคลาย “Relax” เวลาอยู่บ้าน หรือเลือกสีผ้าม่านที่เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าให้ชีวิตเราร่าเริงขึ้นได้เช่นกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างสีโทนและความรู้สึก: ผลงานการวิจัยทางจิตวิทยาให้เราได้เห็นว่าพลังสีสามารถช่วยในการบำบัดโรคได้ และให้เห็นว่าสีมีความสัมพันธ์กับอารมณ์ จิตใจ แม้กระทั่งร่างกายก็มีความสัมพันธ์กับสีโทน เพราะอารมณ์และสภาพจิดใจจะมีผลกระทบต่อฮอร์โมนต่างๆ ในร่างกาย สีโทนจะมีการกระตุ้นต่อมไพเนียล (Pineal Gland) โดยตรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความรู้สึก อารมณ์ และสภาพจิตใจของเราทุกคน

ผ้าม่านคือหน้าตาของบ้าน: สิ่งแรกที่มีอิทธิพลต่อหน้าตาของบ้านมากที่สุดก็คือผ้าม่าน ผ้าม่านเป็นแกนหลักที่มีอิทธิพลต่อแนวสไตล์การตกแต่งของบ้าน และเป็นแกนหลักในการสร้างบรรยากาศให้บ้านในคอนเซ็ปต์การตกแต่ง (Concept Theme) ที่เราต้องการ อย่างเช่น แต่งบ้านด้วยคอนเซ็ปต์ธีมวินเทจ (Vintage) ธีมคลาสสิค (Classic Theme) ธีมโบฮีเมี่ยน (Bohemian Theme) ธีมโมเดิร์น (Modern Theme) ธีมคอนเท็มโพรารี่ (Contemporary Theme) เป็นต้น

ผ้าม่านโทนสีน้ำทะเล: ถ้าเราอยากได้ห้องที่มีบรรยากาศผ่อนคลายและเย็นสบาย เราควรเลือกซื้อผ้าม่านสีเขียว ในการออกแบบดีไซน์และการตกแต่งบ้าน ผ้าม่านโทนสีเขียวต่างๆ จะเหมาะกับการใช้ในห้องพักผ่อน และห้องนอน การมีผ้าม่านสีเขียวจะทำให้สมองได้รับการพักผ่อน สายตาได้ผ่อนคลาย จิดใจสงบ และช่วยให้เราไม่เครียด ไม่คิดมาก เพราะสมองจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่วนผ้าม่านที่มีสีฟ้าโทนสีน้ำทะเล (Ocean Blue) จะทำให้เราได้รู้สึกเหมือนอยู่ทะเลหาด ช่วยให้เราได้ผ่อนคลายแบบลึก (Deep State of Rest) และรู้สึกปลดปล่อยจากงานต่างๆ ที่อาจทำให้เราเครียดหรือกังวล และยังสามารถปรับสมดุลร่างกาย ลดความเหนื่อยล้า และเรียกกำลังใจให้กลับมาประกายสดชื่นได้อีกด้วย ผ้าม่านที่มีโทนสีเขียวและสีฟ้าสามารถช่วยให้เราปรับตัวกับผู้อื่นที่อยู่รอบตัวเราได้ง่าย และรับรู้ต่อสัมผัสและความรู้สึกได้รวดเร็ว  บ้านที่ใช้ผ้าม่านกลุ่มสีโทนนี้จะมีบรรยากาศเหมือนสิ่งแวดล้อมธรรมชาติซึ่งจะทำให้หน้าตาบ้านดูผ่อนคลายสงบ และทำให้ผู้อยู่อาศัยมีความรู้สึกสบายทั้งกายและใจเวลาอยู่บ้าน 

ผ้าม่านสี Earth Tone: นอกจากผ้าม่านสีเขียวก็ยังมีผ้าม่านสีอื่นๆ ที่ทำให้เราได้ผ่อนคลายเวลาอยู่บ้าน อย่างเช่น ผ้าม่านโทนสีครีม ผ้าม่านโทนสีน้ำตาล ผ้าม่านสี “เอิร์ธโทน” (Earth Tone) ต่างๆ ผ้าม่านสีเอิร์ธโทนคือผ้าม่านที่มีสีตามธรรมชาติอย่างเช่น สีครีมอ่อน สีเทาอ่อน สีน้ำตาลอ่อน ซึ่งเป็นสีของพื้นดิน ทราย และพื้นดิน Clay ผ้าม่านที่มีโทนสีเหล่านี้สามารถกล่อมประสาทและทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย (Rest & Recovery) เหมาะใช้กับห้องที่เราใช้พักผ่อนและสงบจิตสงบกาย ผ้าม่านสีเอิร์ธโทนเป็นสีผ้าม่านยอดนิยมของคนยุโรปเหนือเพราะมีความเชื่อว่าสีผ้าม่านเหล่านี้เป็นสีที่ทำให้บ้านดูสะอาด สวยแบบเรียบๆ และทำให้ดูมีความเงียบสงบ 

ผ้าม่านสี “Asia”: แต่ในทางกลับกัน คนอาเซียมักจะชอบสีผ้าม่านที่มีชีวิตชีวา ความเบิกบาน และความรื่นเริง อย่างเช่นผ้าม่านที่มีสีแดง สีทอง สีโอรส โทนสีเงิน เป็นต้น สีเหล่านี้สามารถช่วยยกระดับจิตใจของผู้อยู่อาศัยและช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ทำให้สภาพจิดใจร่าเริงและมีการทะเยอทะยาน มีแรงพลัง มีความขยันหมั่นเพียรเพื่อเดินหน้าในชีวิต และมีความสร้างสรรค์ อีกเหตุผลหนึ่งคือคนอาเซียตะวันออกและคนจีนจะมีความเชื่อว่าการซื้อผ้าม่านที่มีสีเหล่านี้จะนำโชค เสริมดวงชะตาและโชคลาภของผู้อยู่อาศัย ในคอนเซ็ปต์การตกแต่งบ้านตาม Interior Designer ทั่วไป ผ้าม่านที่มีสีเหล่านี้จะเหมาะใช้กับห้องนั่งเล่นและห้องรับแขกในบ้าน

ผ้าม่านโทนสีอุ่น: เราควรใช้ผ้าม่านที่มีโทนสีเหลือง สีแดง และสีร้อนสีอุ่นต่างๆ กับห้องนั้งเล่น ห้องรับแขก ห้องชุมนุมในบ้าน หรือห้องใดก็ได้ที่มีกิจกรรมพบปะผู้คน การตกแต่งบ้านด้วยผ้าม่านที่มีสีเป็นมิตรอย่างเช่นสีเหลือง สีเขียวอ่อน สีส้ม สีชมพู สามารถช่วยสร้างความสดใสให้กับหน้าตาบ้าน และเป็นอีกกลุ่มสีที่มีชีวิตชีวา ความสดใสเบิกบาน และความรื่นเริง

ซื้อผ้าม่านตามทางจิตวิทยา: ในทาง Field of Psychology สีร้อนๆ สามารถช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า ฟื้นฟูจิตใจ สร้างความสมดุลให้สุขภาพจิตใจ และเพิ่มพลังความกระตือรือร้นและแรงพละกำลังเวลาอยู่บ้าน ผ้าม่านที่มีสีเหล่านี้จะเพิ่มพลังงานบวก (Positive Energy) ให้บรรยากาศบ้านดูเปล่งปลั่งสว่างตา และทำให้มีความรู้สึกเป็นอิสระ Independent ในชีวิต ผ้าม่านสีชมพูเป็นสีที่ทำให้บรรยากาศห้องดูหวาน น่ารัก และยังสร้าง Image ภาพพจน์ให้คนที่แวะมาเยี่ยมรู้สึกเหมือนผู้อยู่อาศัยในบ้านเป็นคนน่ารักและมีสุขภาพแข็งแรงอีกด้วย

เลือกสีผ้าม่านที่เหมาะที่สุดกับเรา: เราสามารถเลือกผ้าม่านที่มีสีเย็นสบายตาหรือเลือกใช้ผ้าม่านที่มีสีเจิดจ้า สว่างๆ ตามความชอบและความต้องการใน Lifestyle ของเรา การเลือกสีผ้าม่านเป็นสิ่งที่สำคัญเพราะผ้าม่านคือหน้าตาแกนหลักของบ้าน ถ้าเราอยากให้บ้านดูสวยและน่าอยู่ เราควรจะเลือกสีผ้าม่านที่ทำให้เราได้รับความสุขมากที่สุดเวลาได้เห็นทุกวัน เพราะยังไงความสุขของเราต้องมาเหนือสไตล์ใดๆ ตามสุภาษิต “Substance over Style”

Read More »